0921045555

การมีสุขภาพที่ดี ควรเริ่มให้ความสำคัญตั้งแต่พื้นฐานการส่งเสริมสุขภาพ ซึ่งก็คือกลไกการสร้างสุขภาพให้ดีหรือแข็งแรงยิ่งขึ้นด้วยวิธีต่างๆ เช่น การรับประทานอาหารและเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ การออกกำลังกาย การฝึกทำสมาธิ และการป้องกันปัญหาสุขภาพ ซึ่งเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อลดความเสี่ยงหรือโอกาสในการเกิดโรค โดยกลไกทั้งสองสามารถทำได้ง่าย ใช้ต้นทุนน้อย ประหยัดค่าใช้จ่ายกว่าถ้าเทียบกับการต้องเข้ารับการรักษาและฟื้นฟูสุขภาพภายหลัง

          ปัจจุบัน ผู้คนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับการมีสุขภาพดีมากขึ้น ด้วยเหตุที่ไม่มีใครอยากมีปัญหาสุขภาพ ไม่อยากมาโรงพยาบาลบ่อยๆ เพราะถ้าหากพบความผิดปกติหรือมีปัญหาสุขภาพแล้ว ก็อาจเป็นอุปสรรคในการดำเนินชีวิตหลายๆ ด้านเลยก็ว่าได้

          มีอยู่สิ่งหนึ่งที่ผู้คนทุกยุคสมัยพยายามต่อสู้และหาทางเอาชนะมาโดยตลอด เนื่องจากสิ่งนี้เป็นตัวการสำคัญในการเกิดโรคภัยไข้เจ็บ รวมไปถึงริ้วรอยบนผิวหนังและสีผมที่เปลี่ยนไปของพวกเราทุกคน สิ่งนั้นก็คือ “ความแก่” ซึ่งหน่วยเล็กที่สุดในร่างกายที่มีความแก่เริ่มมาจากที่ระดับเซลล์ หากเซลล์หลายเซลล์แก่หรือเสื่อมมากๆ ก็จะส่งผลต่ออวัยวะและรวมไปถึงระบบนั้นๆ ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการเกิดโรคนั่นเอง

          ความแก่ เป็นสิ่งที่ไม่มีใครต้องการจะเป็น หรือไม่มีใครยากได้ยิน เพราะความแก่ มีความสำคัญในการใช้ชีวิตในทุกๆ ทาง ไม่ว่าจะเป็นการประกอบอาชีพ หรือการมีสุขภาพดี

ความอยากชะลอวัย อยากต้านวัย หรือ อยากต้านความแก่นั้น ทำให้เกิดศาสตร์ทางการแพทย์แขนงหนึ่งที่ตอบสนองความต้องการของมนุษย์ในการต่อต้านความแก่ของสุขภาพ โดยมีชื่อเรียกว่า “เวชศาสตร์ชะลอวัย” (Anti-Aging) ซึ่งสำหรับในประเทศไทย ปัจจุบันก็เริ่มเป็นที่รู้จัก ได้รับความสนใจ และเข้ามามีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ โดยหลักสำคัญในการชะลอหรือต้านวัย ประกอบไปด้วยการดูแล 3 ด้าน ได้แก่ ด้านอาหาร การออกกำลังกาย ด้านอารมณ์และทัศนคติ ดังนี้

  1. ด้านอาหาร อาหารที่ชะลอวัย เป็นอาหารที่ให้ประโยชน์หรือมีคุณค่าทางอาหารมาก มีโทษน้อย มักเป็นประเภทผัก ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี เนื้อสัตว์ประเภทปลา นมไขมันต่ำ เป็นต้น
  2. ด้านออกกำลังกาย หมายถึง การเคลื่อนไหวร่างกายเพิ่มจากปกติ เป็นรูปแบบชัดเจน ทำต่อเนื่องสม่ำเสมอในระยะเวลาประมาณ 20-30 นาทีขึ้นไป ซึ่งต่างจากการออกแรงหรือใช้กำลังทำงาน เพราะให้ผลดีในการส่งเสริมและป้องกันโรคต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นต่อระบบหัวใจ หลอดเลือด และระบบหายใจ เป็นต้น
  3. ด้านอารมณ์และทัศนคติ ร่างกายและจิตใจทำงานสัมพันธ์กันอยู่ตลอดเวลา การมีจิตใจที่ดี เบาสบาย รวมถึงมีความสามารถในการรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ จะช่วยลดความตึงเครียดได้ ซึ่งโอกาสที่ร่างกายจะหลั่งสารหรือฮอร์โมนที่ส่งผลเสียต่อร่างกายเองนั้นก็จะมีน้อย ความแก่ก็จะเกิดขึ้นได้ยากหรือช้าลง

          หากเราทั้งดูแล ส่งเสริม และป้องกันสุขภาพให้เหมาะสม รักษาสมดุลทั้ง 3 ด้านให้ดี เราก็จะมีสุขภาพที่ดีทั้งกายและใจ สามารถชะลอความแก่ ชะลอวัย ห่างไกลโรคได้อย่างแน่นอน และอีกหนึ่งสิ่งสำคัญ คือการตรวจสุขภาพตามช่วงวัยเป็นประจำอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อลดอัตราความเสี่ยงที่อาจเกิดโรคต่างๆ และยังสามารถเข้าไปช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษาโรคนั้นๆ ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นด้วย

ที่มาบทความ phyathai.com